#DNAjournal EP.21 #DNAbySPU :: Facebook Founder Mark Zuckerberg Commencement Address | Harvard Commencement 2017 [The purpose of life is a life of purpose. :: เป้าหมายของชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย] สรุปคำพูดที่ Mark Zuckerberg กล่าวในพิธีจบการศึกษาที่ Harvard 2017

CAMBRIDGE, MA – MAY 25: Facebook Founder and CEO Mark Zuckerberg delivers the commencement address at the Alumni Exercises at Harvard’s 366th commencement exercises on May 25, 2017 in Cambridge, Massachusetts. Zuckerberg studied computer science at Harvard before leaving to move Facebook to Paolo Alto, CA. He returned to the campus this week to his former dorm room and live streamed his visit. (Photo by Paul Marotta/Getty Images)

#DNAjournal ,EP.21 ,#DNAbySPU ,Facebook Founder ,Mark Zuckerberg ,Commencement Address ,Harvard Commencement 2017,The purpose of life is a life of purpose. ,เป้าหมายของชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ,สรุปคำพูดที่ Mark Zuckerberg ให้ในพิธีจบการศึกษาที่ Harvard 2017 ,สุนทรพจน์ Mark Zuckerberg ในงานฉลองจบการศึกษาของฮาร์วาร์ด#DNAjournal ,EP.21 ,#DNAbySPU ,Facebook Founder ,Mark Zuckerberg ,Commencement Address ,Harvard Commencement 2017,The purpose of life is a life of purpose. ,เป้าหมายของชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ,สรุปคำพูดที่ Mark Zuckerberg ให้ในพิธีจบการศึกษาที่ Harvard 2017 ,สุนทรพจน์ Mark Zuckerberg ในงานฉลองจบการศึกษาของฮาร์วาร์ด
#DNAjournal EP.21 #DNAbySPU

Facebook Founder Mark Zuckerberg Commencement Address | Harvard Commencement 2017

[The purpose of life is a life of purpose. :: เป้าหมายของชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย]

สรุปคำพูดที่ Mark Zuckerberg กล่าวในพิธีจบการศึกษาที่ Harvard 2017

.

.

Mark Zuckerberg เริ่มเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ Computer Science ในปีค.ศ. 2002 ในช่วงนั้นเขาได้ก่อตั้ง Facebook ในหอพักเพื่อทำการเชื่อมโยงเพื่อนๆเข้าไว้ด้วยกัน

.

.

ในปีค.ศ. 2004 เขาอยู่ปี 2 แต่เขากลับตัดสินใจลาออกเพื่อย้ายไป Silicon Valley เพื่อตั้งบริษัท หาทีม และหาทุนที่จะทำเป้าหมายของเขาให้เป็นจริง

.

.

ในวันที่ 25 พ.ค. 2017 หรือ 13 ปีหลังจากที่เขาลาออก เขาจะได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ (Honorary Degree) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และจะเป็นผู้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานฉลองวันจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยให้บัณฑิตใหม่ทุกคนที่จบการศึกษาในปีนี้ฟังด้วย

.

.

สิ่งที่เขากำลังบอกเราผ่านสุนทรพจน์นี้ คือการเชิญชวนพวกเราให้เปลี่ยนแปลงโลก และหัวใจสำคัญที่ถูกเน้นย้ำในสุนทรพจน์คือ “เป้าหมาย” (Purpose) ถ้าเราเข้าไปดูในเนื้อหาสุนทรพจน์ของเขาที่มีความยาวทั้งสิ้น 30 นาที เราจะพบว่า เขาได้ใช้คำว่า“เป้าหมาย” ไปทั้งหมดประมาณ 27 ครั้ง

.

.

Mark เชื่อว่าการหาเป้าหมายชีวิตตามสัญชาตญาณ หรือการตามหาความสำเร็จของชีวิตตัวเราเองยังไม่เพียงพอ เรามีสิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่า นั้นคือ ค้นหาความหมายของเราและผู้อื่นไปพร้อมๆกัน หรือการสร้างให้ทุกคนมี “การรับรู้ถึงเป้าหมาย” (Sense of Purpose)

.

.

ประธานาธิบดี John F Kennedy ได้เดินทางไปเยี่ยม NASA Space Center เขาเห็นภารโรงกำลังเดินถือไม้กวาดอยู่ เขาจึงเดินไปทักทายพร้อมถามว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ ภารโรงตอบกลับว่า “ท่านประธานาธิบดีครับ ผมกำลังช่วยพามนุษย์ขึ้นไปสู่ดวงจันทร์”

.

.

พวกเรากำลังอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านจากแรงคนไปสู่เครื่องจักรหรือออโตเมชั่น ผู้คนมากมายกังวลกับสิ่งที่จะมาถึง เพราะถ้าเครื่องจักรมาแทนที่คนโดยสมบูรณ์ แล้วคนจะอยู่ได้อย่างไรถ้าขาดเป้าหมายในชีวิต ดังนั้นสิ่งที่ท้าทายในยุคนี้คือทำอย่างไรให้พวกเขามี “การรับรู้ถึงเป้าหมาย”

.

.

“การรับรู้ถึงเป้าหมาย” มีความสำคัญมากในการทำงานเป็นทีมและบริหารทรัพยากรบุคคล เพราะถ้าพนักงานหรือหุ้นส่วนไม่มีการรับรู้ถึงเป้าหมาย และขาดการรับรู้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขา วันหนึ่งพวกเขาจะขาดความสามัคคี ไม่มีความสุข จึงไม่อยากมุ่งไปข้างหน้า และพร้อมจะเดินจากไปในช่วงเวลาที่มีรอยร้าวและปราศจากความเข้าใจกัน

.

.

มีอยู่ 3 วิธีที่เราสามารถสร้างให้คนรอบตัวเรารับรู้ถึงเป้าหมายได้ 1.การทำโปรเจ็คที่มีความหมายยิ่งใหญ่ร่วมกัน 2. ให้ทุกคนมีอิสระในการไล่ล่าเป้าหมายอย่างเท่าเทียม 3. การสร้างชุมชนที่ไร้รอยต่อ

.

.

ในอดีตมนุษย์ได้ร่วมมือกันทำ “โปรเจ็คที่มีความหมายยิ่งใหญ่ร่วมกัน”มาโดยตลอด ไม่ว่าการจะพามนุษย์ไปสู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรกของมนุษยชาติ การกำจัดโรคโปลิโอให้หายสาบสูญไปจากโลกใบนี้ การสร้างเขื่อนฮูเวอร์ซึงเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน‎

.

.

โปรเจ็คเหล่านั้น ไม่ได้แค่ให้เป้าหมายกับคนที่ทำงานเท่านั้น แต่มันยังให้เราทั้งประเทศได้สัมผัสถึงความภาคภูมิใจ ว่าเราสามารถทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากๆ ได้

.

.

วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะลุกมาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่ถ้าเราไม่รู้ว่าจะทำสิ่งยิ่งใหญ่นั้นได้อย่างไร ? คำตอบนั้นจะปรากฏขึ้นเมื่อเริ่มออกเดิน และจะค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในระหว่างทาง

.

.

อย่างไรก็ตามจงเตรียมพร้อมรับพายุแห่งความเข้าใจผิดบนเส้นทางที่ยิ่งใหญ่ จงเตรียมร่มเอาไว้เสมอ และดูแลอย่าให้ตัวเราเปียกปอนและไม่สบายจนไม่ได้เดินต่อไป เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเดินอยู่ในฤดูที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

.

.

ในโลกใบนี้ยังมีเรื่องราวต่างๆอีกมากที่รอการแก้ไขผ่านโปรเจ็คที่ยิ่งใหญ่ เช่น การลดการใช้พลังงานที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน การระงับและกำจัดโรคภัยต่างๆ การให้ทุกคนเข้าถึงระบบการศึกษาแบบไร้พรมแดน

.

.

ด้วยวิทยาการที่ทันสมัยทำให้เราสร้างสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายกว่าเดิมมาก เราต้องให้โอกาสคนทุกคนในสังคมได้ร่วมมีบทบาทในการทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เพื่อให้คนทุกคนรับรู้ถึงเป้าหมายที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

.

.

วิธีที่สอง คือ “ให้ทุกคนมีอิสระในการไล่ล่าเป้าหมายอย่างเท่าเทียม” คือ การทำให้ทุกคนมีอิสระที่จะล้มเหลว ถ้าเราไม่มีอิสระเพียงพอ เราจะไม่กล้าเริ่มต้นอะไรใหม่ เพราะเรากลัวความผิดพลาดและการลงโทษที่จะตามมาจากความผิดพลาดของเรา ทำให้เราต้องเก็บเป้าหมายเงียบๆไว้ในลิ้นชักที่หัวใจของเรา

.

.

เราทุกคนล้วนจะต้องผิดพลาดก่อนประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราต้องการสังคมที่โฟกัสการลงโทษตีตราคนพลาดให้น้อยลง

.

.

ในอดีตคนรุ่นก่อนได้สร้าง “ความเท่าเทียม” คือ หลักหนึ่งคนหนึ่งเสียง (One Man One Vote) ไว้ในระบบการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เขาได้สร้างข้อตกลงใหม่ๆ และสังคมที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้ถึงเวลาของคนรุ่นเราแล้วที่จะนิยามสัญญาทางสังคมอันใหม่สำหรับคนรุ่นเรา

.

.

Mark Zuckerberg และภรรยา Priscilla Chan ได้ส่งเสริมความเท่าเทียมอย่างเป็นรูปธรรม โดยจัดตั้งหน่วยงานการกุศล Chan Zuckerberg Initiative เตรียมลงทุน 3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นทุนส่งเสริมให้นักวิทยาศาสตร์สามารถควบคุมและป้องกัน 4 โรคร้ายที่เป็นสาเหตุการตายของมนุษย์ส่วนใหญ่ ให้เด็กๆ มีโอกาสมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น และนอกจากงานด้านการป้องกันโรคภัยแล้ว Chan Zuckerberg Initiative ยังร่วมลงทุนใน Andela โครงการปั้นวิศวกรและโปรแกรมเมอร์ชาวแอฟริกันด้วย

.

.

อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมความเท่าเทียมนั้นไม่ได้จำกัดแต่ในรูปแบบของเงินเท่านั้น แค่เราสละเวลา 1-2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้วที่เราจะยื่นมือช่วยให้คนอื่นเข้าถึงศักยภาพของพวกเขา เพราะเมื่อทุกคนสามารถทำความฝันให้กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ได้ มันก็ดีขึ้นกับเราทุกๆ คน

.

.

วิธีที่สาม คือ “การสร้างชุมชนที่ไร้รอยต่อ” ชุมชนที่ปราศจากการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ ศาสนาหรือสีผิว ชุมชนที่พลเมืองของโลกทุกคนอยู่ร่วมกันได้โดยไร้ซึ่งข้อขัดแย้ง หรือ “ไม่มีพวกเขา มีแต่พวกเรา”

.

.

มนุษยชาติก้าวหน้าได้เพราะ ผู้คนที่จับกลุ่มกันในจำนวนที่มากขึ้น จากชนเผ่าสู่เมือง และเมืองสู่ประเทศ เพื่อจะทำสิ่งที่พวกเราไม่สามารถทำได้โดยลำพัง

.

.

ไม่มีประเทศไหนสามารถต่อสู้กับเรื่องภาวะโลกร้อนหรือป้องกันโรคระบาดได้เพียงลำพัง การก้าวไปข้างหน้าต้องการการลงมือร่วมกัน ไม่ใช่แค่ในระดับเมืองหรือประเทศ แต่เป็นทั้งหมดในระดับโลก (Global Community)

.

.

เมื่อทุกคนอยู่ร่วมกัน เราก็จะสามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ ร่วมกันได้ ช่วยเหลือกันได้โดยไม่ต้องแบ่งว่าประเทศไหนจะเริ่มก่อน ใครจะเป็นคนทำเพราะทุกคนทำร่วมกันทั้งหมด และเราสามารถเริ่มสร้างชุมชมเล็ก ๆ กันได้ทันทีเพราะหลายๆคนก็ได้เริ่มทำกันแล้ว.

.

.

Agnes Igoye ใช้เวลาในวัยเด็กอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งในเขตอูกันดาแล้วตอนนี้เธอได้ใช้ประสบการณ์อบรมผู้รักษากฏหมายกว่าพันคนเพื่อช่วยให้ชุมชนปลอดภัย

.

.

Kayla Oakey และ Niha Jain เริ่มสร้างองค์กรที่ไม่แสวงกำไรที่ช่วยเชื่อมคนที่กำลังทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดกับกลุ่มคนในชุมชนที่พร้อมจะให้การช่วยเหลือ

.

.

David Razu Aznar อดีตเทศมนตรีเมืองที่เคยช่วยต่อสู้ จนทำให้เมืองเม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองแรกในเขตละตินอเมริกาที่ผ่านกฏหมายการแต่งงานของเพศเดียวกันได้ก่อนซานฟรานซิสโกด้วยซ้ำ

.

.

และแม้แต่ Facebook เอง ที่เริ่มจากนักศึกษาในหอพัก ที่ช่วยเชื่อมต่อชุมชนทีละหนึ่งชุมชน และยังคงมุ่งมั่นทำมันจนสามารถเชื่อมต่อทั้งโลกไว้ด้วยกัน

.

.

โดยสรุปแล้วเราจะทำโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จได้หรือไม่ ? ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ “ความสามารถในการสร้างให้ทุกคนมีการรับรู้ถึงเป้าหมาย”

.

.

และในวินาทีต่อจากนี้ที่เรากำลังจะเดินออกไปสู่โลกที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับเราแล้วล่ะที่จะสร้างมันขึ้นมาได้สำเร็จหรือไม่ ? และก่อนจากกันขอทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำจากบทสวดของ Mi Shebeirach

.

.

“ขอแหล่งพลังที่เคยได้เป็นพรกับคนที่มาก่อนเรา ช่วยเรา ให้เราพบความกล้า ที่จะทำให้ชีวิตของเราเป็นดั่งพร” (May the source of strength, who blessed the ones before us, help us find the courage to make our lives a blessing.)

.

.

ขอให้เราได้พบความกล้าที่จะทำให้ชีวิตเราเปี่ยมไปด้วยพร

.

.

ขอแสดงความยินดีด้วย บัณฑิตใหม่ทุกคนที่จบการศึกษาในปีนี้ และขอให้โชคดีกับหนทางข้างหน้า

.

.

อ่านสุนทรพจน์แบบเต็มๆได้ที่ https://goo.gl/MydD4K

.

.

ชมสุนทรพจน์แบบเต็มๆได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=BmYv8XGl-YU

.

.

#DNAbySPU2

“IT’S COMING”

.

#DNAbySPU รุ่น 2 [Register NOW]

ยังไม่เปิด แต่หากสนใจลงชื่อไว้ก่อนที่นี่เลย

http://www.DNAbySPU.com/DNAbySPU2.html

.
หมายเหตุ

#DNAjournal จัดทำเพื่ออธิบายต่อยอดข้อมูลจากสุนทรพจน์จาก Mark Zuckerberg ในงานฉลองจบการศึกษาของฮาร์วาร์ด

.

.

จัดทำโดย หลักสูตร #DNAbySPU :: Digital Network Advantage , Digital Business Management Department, Sripatum Business School, #SPU

www.DNAbySPU.com

ใช้ #DigitalMarketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง

#DNAjournal ,EP.21 ,#DNAbySPU ,Facebook Founder ,Mark Zuckerberg ,Commencement Address ,Harvard Commencement 2017,The purpose of life is a life of purpose. ,เป้าหมายของชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ,สรุปคำพูดที่ Mark Zuckerberg ให้ในพิธีจบการศึกษาที่ Harvard 2017 ,สุนทรพจน์ Mark Zuckerberg ในงานฉลองจบการศึกษาของฮาร์วาร์ด#DNAjournal ,EP.21 ,#DNAbySPU ,Facebook Founder ,Mark Zuckerberg ,Commencement Address ,Harvard Commencement 2017,The purpose of life is a life of purpose. ,เป้าหมายของชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ,สรุปคำพูดที่ Mark Zuckerberg ให้ในพิธีจบการศึกษาที่ Harvard 2017 ,สุนทรพจน์ Mark Zuckerberg ในงานฉลองจบการศึกษาของฮาร์วาร์ด

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น