[[ #MoveON!!! ]] Thailand Opportunity จุดยืนประเทศไทยท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก
คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA

[[ #MoveON!!! ]] Thailand Opportunity จุดยืนประเทศไทยท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก

.

หลายคนอาจสงสัยนะครับ ว่า…ประเทศไทยยังน่าสนใจในการลงทุนอยู่หรือเปล่า?

ผมได้มีโอกาสฟัง คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA เล่าถึงอนาคตของภาคอุตสาหกรรมไทย เป็นมุมมองที่น่าสนใจมากๆ เลยครับ

.

เรื่องใหญ่ที่สำคัญเป็นเรื่องของ Technological Change เทรนด์ของการเปลี่ยนเทคโนโลยี ที่ผ่านมาเราพูดเรื่อง Fintech แต่ต่อไปจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นอีก ทั้ง AI และ Robotics

.

ด้าน Geopolitical Tensions ที่จริงแล้วโลกของเรายังไม่เคยสงบสุข ก่อนหน้านี้อาจจะเห็นภาพไม่ชัด แต่ตอนนี้เห็นแล้วว่าเกิดอิมแพคทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ตอนนี้จะเป็นโอกาสจากภาวะโลก 2 ขั้วในครั้งนี้

.

ที่ว่าเป็นโอกาส เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยหลุดจากแผนที่การลงทุนของโลกไปแล้วครับ แต่ภายหลังมี EEC ภาครัฐผลักดันอุตสาหกรรม S-Curves และ New S-Curves และเริ่มลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้ว หากพัฒนาต่อในด้านโลจิสติกส์ให้เชื่อมต่อก็จะสามารถดึงการลงทุนกลับมาสู่ประเทศได้ เพราะ Trade War ก็ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เรียกได้ว่าทุนจีนทะลักออกมา ทั้งนักลงทุนจีนและที่ไม่ใช่จีน ดังนั้น Southeast Asia จึงมีโอกาส ทั้งประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย

.

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสลงทุนในประเทศไทยสูง จะเป็นกลุ่ม EV และ Semiconductor จากปัญหาระหว่างจีนและไต้หวัน ข้อได้เปรียบของประเทศไทยคือการมียุทธศาสตร์ที่สามารถต่อเนื่อง (Land Link) กับประเทศจีนได้ ผ่านทางบกและทางราง ส่วนทางน้ำก็มีโอกาสตรงจุดตัดระหว่างทางออกของสองมหาสมุทร

.

ถ้า Infrastructure เหล่านี้เชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ได้ เกมจะพลิก เปลี่ยนมาเป็นโอกาสการลงทุนของเราได้เช่นกัน ที่ต้องขยายโอกาสต่อ ไม่ให้เป็นแค่ทางผ่านขนถ่ายสินค้า แต่ต้องสร้างโอกาสในการเป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกให้ได้

.

หลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไป ภาพรวมธุรกิจเติบโตมากกว่าก่อนเกิดโควิดก็มีเหมือนกัน อย่างกลุ่ม Automotive และกลุ่ม Phamarcy,

.

และสิ่งที่ต่อไปในอนาคต ทั่วโลกจะเปลี่ยนแน่นอน คือ Climate Change ที่บริษัทใหญ่ๆ ตื่นตัวกันไปบ้างแล้ว แต่ธุรกิจเล็กๆ ก็จะต้องมองเรื่องของ ESG เหมือนกัน เพราะต่อไปเทรนด์โลกจะเปลี่ยน และกระทบ Supply Chain ที่ไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นเรื่องของ Business Model

.

Green Planet จะเป็นเทรนด์ที่จะเปลี่ยนแปลงโลก เช่น เกิดธุรกิจด้านพลังงานสะอาด ธุรกิจ Energy Storage, และธุรกิจที่เกี่ยวกับคาร์บอน

.

องค์กรจะมุ่งตรงสู่เรื่อง Sustainable Development มากขึ้น ทั้งในเรื่องสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม หากธุรกิจนั้นทำร้ายสิ่งแวดล้อม ก็จะไม่เกิดความยั่งยืนแน่นอน แผนการปรับตัวด้านสิ่งแวดล้อมในองค์กรจะนำไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Clean Energy, Green Creativity, Green Transportation ตัวอย่าง WHA ที่เป็น Logistic รายใหญ่ก็เริ่มมองเรื่องการใช้ Green Technologies เข้ามาลดต้นทุนในเรื่องการขนส่ง ริเริ่มใช้ Green Logistic ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ เป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการ

.

ความเปลี่ยนแปลงในด้าน Resilient Growth Economy ที่จะเกิดขึ้นแน่นอน ปีที่แล้วเรายังพูดถึงคริปโต ปีนี้กลายเป็นเรื่องของ ChatGPT มีหลายอย่างในโลกที่เปลี่ยนไปมาก หากเราไม่เข้าใจกลไกการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ไม่เข้าใจกลไกการเปลี่ยนแปลงของโลก เราเองที่จะงุนงง และไม่สามารถวางแผนกลยุทธ์ได้เลย

.

ด้าน Equality and Quality Well-being เป็นเรื่องคุณภาพของคน เพราะทุกอย่างก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ในด้านความเท่าเทียมกันของทุกคน จะทำอย่างไรให้กลุ่มระดับล่างมีรายได้มากขึ้น ทำให้พวกเขาเข้าถึงการรักษาพยาบาลดีขึ้น หากรัฐบาลสามารถขับเคลื่อน 3 ด้านนี้ให้เกิดขึ้นจริงได้ จะทำให้ประชาชนมีรายได้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

.

เทรนด์ของ Electric Vehicles (EV) กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าจีนเข้ามาร่วมธุรกิจกับ WHA แล้วหลายแบรนด์ โดย BYD ยังเลือกใครเป็นฐานการผลิตรถ EV โรงงานแรกนอกประเทศจีนเพื่อส่งออกทั่วโลก เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้จากเดิมญี่ปุ่นมองเรื่อง Hydrid และ Hydrogen จะหันกลับมาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตรถ EV เช่นเดียวกัน ในขณะเดียวกันเรื่อง Hydrogen ก็จะเป็นขั้นต่อไปที่จะต้องสนใจ เพราะเป็นฐานการผลิตรถขนส่ง รถบรรทุกขนาดใหญ่ต่อไปเช่นกัน

.

การเติบโตของ E-Commerce คือการเข้ามาของยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba หรือ Shopee ที่ทำให้ได้เห็นการแข่งขันต่างๆ การเปลี่ยนแปลงในด้าน Logistic มีการเอาระบบ Automation เข้ามาใช้เพื่อช่วยลดต้นทุน

.

ประเทศไทยจะเป็น Destination ของการลงทุนอุตสาหกรรมต้นน้ำ เป็น EV Hub ได้ สิ่งที่จะดึงดูดบริษัทใหญ่ระดับโลกเข้ามาลงทุนในอนาคตได้คือพลังงานสะอาด และเรื่องระบบการจัดการน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

.

อย่างที่ WHA ร่วมมือกับปตท. และบริษัท Sertis พัฒนาแพลตฟอร์ม “RENEX” เป็นระบบ Peer-to-Peer Energy Trading ผ่านเทคโนโลยี Blockchain เพื่อซื้อขายไฟฟ้าเสรีสำหรับภาคอุตสาหกรรม ช่วยลดต้นทุนพลังงานในภาคธุรกิจได้ และไม่ใช่เพียงแค่เติบโตอยู่ในภาคเอกชน ยังต้องมองต่อไปถึงกลไกของภาครัฐให้เปิดโอกาสเช่าใช้สายไฟฟ้าด้วย จึงจะสามารถเชื่อมต่อเรื่องการซื้อขายพลังงานจากโซล่าเซลล์ไปได้ทั่วโลก และต้นทุนพลังงานสะอาดของเราก็จะถูกลง

.

ทั้งหมดนี้ ดูแล้วเหมือนกับเป็นโลกของอนาคตเลยใช่ไหมครับ แต่ที่จริงไม่ได้ไกลเกินตัวเราแล้ว

.

มันเริ่มอยู่รอบๆ และเกิดขึ้นแล้ว อยู่ที่แต่ละธุรกิจแล้วว่าจะปรับตัวทันไหม และจะดึงเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างไรให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างยั่งยืน

.

ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจ ที่ชวนไปร่วมงาน “New Era Economy อนาคตประเทศไทย” ครับ

.

#MOVEON

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *